การส่องกล้องตรวจระบบทางเดินอาหารคืออะไร? เหมาะกับใคร? และการเตรียมตัว?

    ความผิดปกติเกี่ยวกับ โรคทางเดินอาหารและลำไส้ อาจไม่ได้แสดงอาการให้เห็นชัดเจนตั้งแต่แรกเริ่ม แถมอาการทั้งหลายยังมีลักษณะคล้ายคลึงกัน ถึงแม้บทสรุปจะออกมาเป็นโรคที่ต่างกัน หรือร้ายแรงต่างกัน

    ในอดีตหลายคนคิดว่าอาการปวดท้องเป็นผลจากการรับประทานอาหารไม่ตรงเวลา หรือรับประทานอาหารรสจัดเท่านั้น หากรักษาไม่ถูกต้อง อย่างมากก็ทำให้อาการปวดท้องรุนแรงขึ้น โดยไม่ทำให้เกิดเนื้อร้ายใดๆ แต่ในปัจจุบัน ความเชื่อนั้นอาจไม่ถูกต้องทั้งหมด ทั้งนี้ เพราะสาเหตุของอาการปวดท้องหลายอย่าง อาจนำไปสู่การเกิดมะเร็งกระเพาะอาหารได้ ไม่ว่าจะเป็นการติดเชื้อแบคทีเรีย เอชไพโลไร (H.pylori) ซึ่งองค์การอนามัยโรค หรือ WHO จัดให้แบคทีเรียชนิดนี้เป็นเชื้อก่อมะเร็ง หรือ Carcinogen ชนิดหนึ่ง ตลอดจนการเปลี่ยนแปลงของเนื้อกระเพาะอาหารบางรูปแบบ อาจนำไปสู่การเกิดมะเร็งกระเพาะอาหารในอนาคตได้เช่นกัน ภาวะเสี่ยงเหล่านี้หากตรวจพบในระยะเริ่มต้น จะสามารถรับประทานยาเพื่อรักษาจนหายและเป็นปกติได้ โดยไม่ต้องผ่าตัดหรือให้ยาเคมีบำบัดใดๆ

    ปัจจุบันพบว่า โดยส่วนใหญ่ของมะเร็งลำไส้ใหญ่นั้นเกิดมาจากติ่งเนื้อขนาดเล็กมาก่อนและขนาดโตขึ้นเรื่อยๆ จนกลายเป็นมะเร็งลำไส้ ดังนั้นการตรวจคัดกรองมะเร็งลำไส้ใหญ่ด้วยการส่องกล้อง นั้นสามารถตัดติ่งเนื้อขนาดเล็กก่อนที่จะกลายเป็นมะเร็งในอนาคตได้ โดยการตัดติ่งเนื้อผ่านการส่องกล้อง ปลอดภัยไม่มีแผล และไม่เจ็บ

ข้อบ่งชี้ในการตรวจเช็คระบบทางเดินอาหาร

– อายุ 45 ปีขึ้นไป หรืออายุมากกว่า 40 ปีที่มีประวัติครอบครัวเป็นมะเร็งกระเพาะอาหารและลำไส้ใหญ่ หรือติ่งเนื้อลำไส้ใหญ่
– มีอาการปวดท้อง ท้องอืด
– น้ำหนักลดไม่ทราบสาเหตุ
– อาเจียนเป็นเลือด
– ถ่ายอุจจาระเป็นเลือด
– ท้องเสียสลับท้องผูก

การส่องกล้องตรวจระบบทางเดินอาหาร แบ่งออกเป็น 2 ส่วน
1. การตรวจระบบทางเดินอาหารส่วนบนโดยการส่องกล้อง (Gastroscopy)
เป็นการส่องกล้องผ่านเข้าทางปากเพื่อตรวจหลอดอาหาร กระเพาะอาหาร และลำไส้เล็กส่วนต้น ใช้ระยะเวลาตรวจประมาณ 15 นาที

การเตรียมตัวก่อนเข้ารับการตรวจ
– งดน้ำและอาหารทุกชนิดก่อนตรวจ 6-8 ชั่วโมง

ขั้นตอนการเข้ารับการตรวจ
– ก่อนเริ่มส่องกล้องจะได้รับการพ่นยาชาที่บริเวณคอ และผู้ป่วยนอนตะแคงซ้าย
– แพทย์ให้ยานอนหลับ และเริ่มใส่กล้องเข้าทางปากผ่านลำคอไปยังกระเพาะอาหารและลำไส้เล็กส่วนต้น
– เก็บชิ้นเนื้อออกมาตรวจเพื่อหาแบคทีเรียในกระเพาะอาหาร
– หลังส่องกล้องผู้ป่วยได้รับการดูแลต่อเนื่องที่ห้องพักฟื้น 1-2 ชั่วโมง จนตื่นดีและฟังผลการส่องกล้องได้ภายในวันนั้นๆ
– หยุดพัก ลางาน วันที่มารับการตรวจ 1 วัน
– หลังตรวจรับประทานอาหารได้ตามปกติ

2. การตรวจระบบทางเดินอาหารส่วนล่างโดยการส่องกล้อง (colonoscopy) ใช้กล้องแบบอ่อนใส่เข้าทางทวารขึ้นไปจนถึงลำไส้ใหญ่ทั้งหมด ใช้ระยะเวลาการตรวจประมาณ 30 นาที

การเตรียมตัวก่อนเข้ารับการตรวจ
– รับประทานอาหารที่มีกากน้อย 2 วันก่อนตรวจ เช่น น้ำซุป โจ๊ก และงดรับประทานผักผลไม้ต่างๆ
– รับประทานยาระบายตามคำสั่งแพทย์ โดยรับประทานยาจนหมดและถ่ายหลายครั้งจนเป็นน้ำใส ก่อนเที่ยงคืนสามารถรับประทานอาหารที่เป็นน้ำใสได้ เช่น น้ำเปล่า ซุปใส น้ำผลไม้ไม่มีกาก
– งดน้ำและอาหารทุกชนิดอย่างน้อย 6-8 ชั่วโมงก่อนตรวจ
– จำเป็นต้องมีผู้ดูแลมาด้วยในวันที่รับการส่องกล้อง เนื่องจากมีให้ยานอนหลับผู้ป่วยขณะส่องกล้อง

ขั้นตอนการเข้ารับการตรวจ
– ผู้ป่วยนอนตะแคงซ้ายงอเข่าชิดหน้าอก
– แพทย์ให้ยานอนหลับ จากนั้นใส่กล้องทางทวารหนักเพื่อตรวจลำไส้ใหญ่
– หากพบความผิดปกติหรือรอยโรค แพทย์อาจตัดชิ้นเนื้อไปตรวจทางพยาธิวิทยาเพิ่มเติม และสามารถตัดเนื้องอกขนาดเล็กเพื่อรักษาได้
– หลังส่องกล้องเสร็จผู้ป่วยจะได้รับการดูแลต่อที่ห้องพักฟื้น จนตื่นดีและรอฟังผลการส่องกล้องได้ในวันนั้น

นายแพทย์อัครวินท์ ศิริมงคล ศัลยแพทย์

Health Articles