สัญญาณเตือน มะเร็งเต้านม ไม่อยากเสี่ยงควรรู้วิธีป้องกัน พร้อมวิธีการรักษา
มะเร็งเต้านม
มะเร็งเต้านม
‘มะเร็งเต้านม’ คือโรคที่เป็นสาเหตุของการเสียชีวิตในผู้หญิงเป็นอันดับต้น ๆ เนื่องจากผู้หญิงทุกคนมีความเสี่ยงในการเป็นมะเร็งเต้านม และในช่วงแรกมักจะตรวจพบได้ยากเนื่องจากไม่แสดงอาการ ดังนั้นการตรวจคัดกรองมะเร็งเต้านมจึงมีความสำคัญ เพื่อให้พบโรคตั้งแต่ระยะเริ่มต้น และทำการรักษาได้ทันท่วงที
สารบัญมะเร็งเต้านม
1. มะเร็งเต้านมน่ากลัวขนาดไหน?
2. มะเร็งเต้านมเกิดจากสาเหตุใด?
3. อาการสัญญาณเตือนเสี่ยงมะเร็งเต้านม
4. วิธีการตรวจคัดกรองมะเร็งเต้านมมีอะไรบ้าง?
5. ใครบ้างที่ควรตรวจคัดกรองมะเร็งเต้านม
6. การรักษามะเร็งเต้านม
มะเร็งเต้านมน่ากลัวขนาดไหน?
มะเร็งเต้านม เป็นโรคที่พบได้มากที่สุดเป็นอับดับ 1 ในผู้หญิงทั้งไทยและทั่วโลก ในประเทศไทย จะพบผู้หญิงที่เป็นมะเร็งเต้านม 31.4 ต่อ 1 แสนประชากร ซึ่งมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะผู้หญิงที่มีอายุ 40 ปีขึ้นไป จะยิ่งมีความเสี่ยงในการเป็นมะเร็งเต้านมมากขึ้นอีก
มะเร็งเต้านมเกิดสาเหตุใด?
โรคมะเร็งเต้านม ทางการแพทย์ยังไม่ทราบสาเหตุการเกิดที่แน่ชัด แต่โดยทั่วไปมักพบว่ามะเร็งเต้านมเกิดจากเซลล์เต้านมเติบโตอย่างผิดปกติ หรือเซลล์ของต่อมน้ำนมมีการแบ่งตัวผิดปกติ เจริญไปเป็นมะเร็ง ก่อนจะลุกลามไปตามท่อน้ำเหลืองในเต้านม ต่อมน้ำเหลืองบริเวณรักแร้ ระยะอันตรายคือ เมื่อมีการแพร่กระจายออกไปยังอวัยวะสำคัญ เช่น ปอด ตับ สมอง กระดูก นำไปสู่สาเหตุของการเสียชีวิต
ผู้ป่วยระยะก่อนลุกลาม อัตราการอยู่รอด ≥ 10 ปีเกือบ 100%
ระยะ 1 อัตราการอยู่รอด ≥ 5 ปี = 98%
ระยะ 2 อัตราการอยู่รอด ≥ 5 ปี = 93%
ระยะ 3 อัตราการอยู่รอด ≥ 5 ปี = 72%
ระยะ 4 หรือระยะแพร่กระจาย อัตราการอยู่รอด ≥ 5 ปี = 22%
หากสามารถตรวจพบมะเร็งเต้านมในระยะแรกได้เร็ว ก็จะทำให้ความเสี่ยงในการเสียชีวิตลดลง และมีโอกาสที่อายุจะอยู่ได้มากกว่า 5 ปี เพิ่มขึ้นเป็นร้อยละ 98 แต่หากมีการตรวจพบมะเร็งเต้านมในระยะที่ก้อนมะเร็งมีการแพร่กระจายแล้ว โอกาสที่จะมีอายุอยู่ได้มากกว่า 5 ปี มีเพียงร้อยละ 23 เท่านั้น และผู้ที่มะเร็งเริ่มมีอาการมากขึ้น เช่น มีอาการปวดกระดูก น้ำหนักลด แขนบวม และมีแผลที่ผิวหนัง
ดังนั้นการตรวจมะเร็งเต้านมอย่างสม่ำเสมอ หมั่นสังเกตตัวเอง จึงเป็นการป้องกันและเฝ้าระวังมะเร็งเต้านมที่ผู้หญิงทุกคนควรรู้และให้ความสำคัญเป็นอย่างมาก
อาการสัญญาณเตือนเสี่ยงมะเร็งเต้านม
อาการของมะเร็งเต้านม จะส่งสัญญาณเตือนบางอย่างที่ผิดปกติ โดยสังเกตได้จาก
เมื่อคลำบริเวณเต้านมหรือใต้รักแร้ จะพบก้อนหนา ๆ
มีรอยบุ๋มบริเวณหัวนม หรือหัวนมอยู่ผิดตำแหน่ง ถูกดึงรั้งไปทางอื่น
รูปร่างและขนาดของเต้านมมีการเปลี่ยนแปลง
เต้านมมีผื่นแดงคล้ายผิวส้ม คัน ผิดปกติ
มีอาการปวด หรือเจ็บผิดปกติ บริเวณเต้านม
มีของเหลวไหลออกจากหัวนม เช่น น้ำเหลือง หรือมีแผล
สัญญาณเตือนเสี่ยงมะเร็งเต้านม
วิธีการตรวจคัดกรองมะเร็งเต้านมมีอะไรบ้าง?
1. ตรวจด้วยตัวเอง (Breast Self Exam)
ช่วงระยะเวลาหลังหมดประจำเดือน 7-10 วัน เป็นช่วงที่เหมาะสมในการตรวจเต้านมด้วยตัวเอง โดยคลำส่วนบนของเต้านมตามแนวก้นหอย ไปจนถึงฐานนมรอบรักแร้
ตรวจมะเร็งเต้านมด้วยตัวเอง
2. การตรวจอัตราซาวด์ (Ultrasound)
การอัลตราซาวด์ เป็นการตรวจความผิดปกติของเต้านมด้วยการส่งคลื่นเสียงความถี่สูง เข้าไปกระทบกับเนื้อเยื่อต่าง ๆ และส่งกลับมาที่เครื่องตรวจ สามารถจับความผิดปกติของเนื้อเยื่อได้ จุดเด่นคือสามารถใช้ได้ในคนอายุน้อย นอกจากนี้ยังสามารถระบุก้อนเนื้องอก ก้อนซีสต์ ตรวจได้ว่าเป็นก้อนน้ำหรือก้อนเนื้อ ทำให้วางแผนการรักษาได้ง่ายขึ้น
3. แมมโมโแกรม (Mammogram)
วิธีนี้จะเหมาะกับการตรวจหามะเร็งเต้านมขนาดเล็ก ใช้ได้ดีที่กลุ่มคนอายุ 40 ปีขึ้นไป หรือคนสูงอายุ ที่มีเนื้อเต้านมไม่หนาแน่นมาก แต่ไม่สามารถบอกได้ว่าเป็นก้อนน้ำหรือก้อนเนื้อ และแปลผลได้ยากเมื่อใช้กับคนที่อายุน้อย
4. ตรวจด้วยตัวเอง (Breast Self Exam)
เมื่อพบความผิดปกติของเต้านมและระบุตำแหน่งของก้อนเนื้อต้องสงสัยด้วยอัตราซาวด์ แพทย์จะต้องทำการตรวจเพื่อยืนยันว่าเป็นมะเร็งเต้านมหรือไม่ โดยการนำชิ้นเนื้อส่งตรวจกับพยาธิแพทย์ เป็นวิธีการวินิจฉัยที่แม่นยำ ไม่ต้องใช้ยาสลบ และรอยเข็มที่ใช้เจาะเข้าไปตัดชิ้นเนื้อจะมีขนาดไม่เกิน 2 มิลลิเมตร
ใครบ้างที่ควรตรวจคัดกรองมะเร็งเต้านม
ผู้หญิงทุกคนที่มีตั้งแต่อายุ 20 ปีขึ้นไป ควรเริ่มตรวจคัดกรองมะเร็งเต้านมด้วยตนเอง เดือนละ 1 ครั้ง
ผู้หญิงที่มีอายุน้อยกว่า 35 ปี ควรตรวจอัลตราซาวน์ 1-2 ปี/ครั้ง
ผู้หญิงที่มีอายุมากกว่า 35 ปี ควรตรวจแมมโมแกรม 1-2 ปี/ครั้ง
ผู้หญิงที่มีประวัติคนในครอบครัวเป็นมะเร็งเต้านม เนื่องจากมีความเสี่ยงมากกว่าผู้อื่น
การรักษามะเร็งเต้านม
มะเร็งเต้านมหากตรวจพบตั้งแต่ในระยะแรก ๆ สามารถทำการผ่าตัดรักษาได้โดยไม่ต้องเสียเต้านมออกไปเลย และหลังรักษาหายแล้วควรเข้าพบแพทย์ทุก ๆ 6 เดือน เพื่อให้มั่นใจว่าไม่มีการกลับมาเป็นมะเร็งซ้ำอีก
รักษาด้วยการผ่าตัด
วิธีรักษามะเร็งเต้านมด้วยการผ่าตัดเต้านม หรือผ่าตัดต่อมน้ำเหลืองบริเวณรักแร้ เป็นวิธีมาตรฐาน แบ่งได้เป็น 4 แบบ คือ
ผ่าตัดเต้านมออกทั้งเต้า (Total mastectomy)
ผ่าตัดเต้านมบางส่วน เฉพาะที่เป็นเนื้อร้ายออก (Breast conserving surgery)
ผ่าตัดเต้านมทั้งหมดและตัดต่อมน้ำเหลืองใต้รักแร้ (Modified radical mastectomy)
ผ่าตัดเต้านมรวมถึงผนังหน้าอกทั้งหมด (Radical mastectomy)