สัญญาณเตือนเสี่ยงคลอดก่อนกำหนด ที่คุณแม่ตั้งครรภ์ต้องรู้มีอะไรบ้าง

สัญญาณเตือนเสี่ยงคลอดก่อนกำหนด

การตั้งครรภ์เป็นช่วงเวลาที่สำคัญและละเอียดอ่อน โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อพูดถึงความเสี่ยงในการคลอดก่อนกำหนด ซึ่งเป็นภาวะที่คุณแม่มือใหม่หลายคนมีความกังวลใจ การรู้และเข้าใจถึงสัญญาณเตือนต่าง ๆ จะช่วยให้คุณแม่สามารถเตรียมพร้อมและรับมือกับสถานการณ์ได้อย่างเหมาะสม บทความนี้จะพาคุณแม่ไปทำความรู้จักกับสัญญาณเตือนและข้อควรระวังต่าง ๆ เกี่ยวกับการคลอดก่อนกำหนด

เมื่อไหร่ถึงเรียกว่าการคลอดก่อนกำหนด

การคลอดก่อนกำหนด (Preterm Labor) คือภาวะที่การคลอดเกิดขึ้นก่อนอายุครรภ์ครบ 37 สัปดาห์ โดยปกติแล้วการตั้งครรภ์ที่ครบกำหนดจะอยู่ในช่วงตั้งแต่ 37 สัปดาห์ จนถึงก่อน 42 สัปดาห์  สัปดาห์ การคลอดก่อนกำหนดเกิดจากการที่มดลูกมีการหดรัดตัวอย่างสม่ำเสมอ ส่งผลให้ปากมดลูกบางและเปิดก่อนเวลาอันควร ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อสุขภาพของทั้งคุณแม่และทารกในครรภ์

สาเหตุที่ทำให้มีการคลอดก่อนกำหนด

การคลอดก่อนกำหนดสามารถเกิดได้จากหลายสาเหตุ โดยแบ่งออกเป็น 3 กลุ่มหลัก ได้แก่ สาเหตุจากสุขภาพของคุณแม่ ความผิดปกติในมดลูก และปัญหาที่เกิดจากทารกในครรภ์ ซึ่งแต่ละกลุ่มมีรายละเอียดที่สำคัญดังต่อไปนี้

สาเหตุที่ทำให้มีการคลอดก่อนกำหนด

สุขภาพของคุณแม่

สุขภาพของคุณแม่เป็นปัจจัยสำคัญที่ส่งผลโดยตรงต่อการตั้งครรภ์ มีหลายปัจจัยที่ควรให้ความใส่ใจเป็นพิเศษ ดังนี้

โรคประจำตัว

โรคประจำตัวของคุณแม่เป็นปัจจัยสำคัญที่อาจนำไปสู่การคลอดก่อนกำหนด โดยเฉพาะโรคความดันโลหิตสูง เบาหวาน โรคหัวใจ โรคปอด โรคภูมิแพ้ตนเอง โรคไทรอยด์ ภาวะโลหิตจาง ซึ่งส่งผลกระทบโดยตรงต่อการตั้งครรภ์และการพัฒนาของทารกในครรภ์ คุณแม่ที่มีโรคประจำตัวจึงควรได้รับการดูแลอย่างใกล้ชิดจากแพทย์ตลอดการตั้งครรภ์

ความเครียดของคุณแม่

ในระหว่างการตั้งครรภ์ คุณแม่มักมีความอ่อนไหวต่อความเครียดมากกว่าปกติ เนื่องจากการเปลี่ยนแปลงของระดับฮอร์โมนและความไม่สบายตัว โดยเฉพาะในไตรมาสที่ 3 ที่มักมีอาการอึดอัด เหนื่อยง่าย และมีการแปรปรวนของฮอร์โมน ความเครียด หรือภาวะซึมเศร้าที่มากเกินไปอาจกระตุ้นให้มดลูกบีบตัวและนำไปสู่การคลอดก่อนกำหนดได้

ประวัติการตั้งครรภ์

หากคุณแม่เคยมีประวัติการคลอดก่อนกำหนดในการตั้งครรภ์ครั้งก่อน จะมีความเสี่ยงสูงที่จะเกิดการคลอดก่อนกำหนดในการตั้งครรภ์ครั้งต่อไป การทราบประวัติการตั้งครรภ์จึงมีความสำคัญในการวางแผนดูแลครรภ์และการเตรียมตัวรับมือกับความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้น

การติดเชื้อและการอักเสบ

การติดเชื้อและการอักเสบในร่างกายของคุณแม่สามารถส่งผลกระทบต่อการตั้งครรภ์ได้โดยตรง โดยเฉพาะการติดเชื้อในกระเพาะปัสสาวะและระบบทางเดินหายใจ เช่น กระเพาะปัสสาวะอักเสบ หรือไข้หวัดใหญ่                  เนื่องจากอาจจะกระตุ้นให้มีมดลูกบีบตัวก่อนกำหนดได้ จึงควรระมัดระวังและหลีกเลี่ยงปัจจัยเสี่ยงต่าง ๆ ที่อาจนำไปสู่การติดเชื้อ

พฤติกรรมการใช้ชีวิตประจำวันที่เป็นตัวกระตุ้น

พฤติกรรมบางอย่างในชีวิตประจำวันอาจเป็นตัวกระตุ้นให้เกิดการคลอดก่อนกำหนด เช่น การเดินมากเกินไป การทำกิจกรรมหนัก หรือการเคลื่อนไหวที่รวดเร็วจนเกินไป อย่างไรก็ตาม การออกกำลังกายเบา ๆ ภายใต้การดูแลของผู้เชี่ยวชาญสามารถทำได้ตลอดการตั้งครรภ์ โดยควรเลือกกิจกรรมที่เหมาะสม เช่น การปั่นจักรยาน  โยคะ หรือการเดินเบา ๆ หลีกเลี่ยงกิจกรรมที่อาจเกิดอุบัติเหตุกระทบกระเทือนทางหน้าท้องได้

ความผิดปกติในมดลูก

ความผิดปกติของมดลูกเป็นอีกสาเหตุสำคัญที่อาจนำไปสู่การคลอดก่อนกำหนด โดยมีลักษณะความผิดปกติที่สำคัญดังนี้

ปากมดลูกสั้น

ปากมดลูกที่สั้นกว่า 2.5 เซนติเมตรถือเป็นความเสี่ยงสูงต่อการคลอดก่อนกำหนด เนื่องจากความสามารถในการรัดหูรูดจะน้อยลง โดยอาจจะพบได้มากขึ้นในกรณ๊ที่เคยผ่าตัดปากมดลูกบางส่วนมาก่อน ซึ่งสามารถตรวจพบได้จากการอัลตราซาวด์ในช่วงไตรมาสที่ 2 หากพบความผิดปกติ แพทย์อาจพิจารณาให้ฮอร์โมนเพิ่มเติมหรือมีการเย็บผูกปากมดลูกเพื่อช่วยป้องกันการคลอดก่อนกำหนด

มีเนื้องอกที่มดลูก

เนื้องอกในมดลูกส่งผลต่อการขยายตัวของมดลูก ทำให้เกิดการบีบรัดตัวที่ผิดปกติ ซึ่งอาจนำไปสู่การคลอดก่อนกำหนดได้ การตรวจพบและติดตามขนาดของเนื้องอกอย่างสม่ำเสมอจึงมีความสำคัญในการวางแผนการดูแลครรภ์

รูปร่างของมดลูกที่ผิดปกติ

ความผิดปกติของรูปร่างมดลูกที่มีมาแต่กำเนิด เช่น มดลูก 2 ข้าง หรือมดลูกผิดรูป สามารถเพิ่มความเสี่ยงในการคลอดก่อนกำหนด ซึ่งเป็นความเสี่ยงที่ซ่อนเร้นและอาจไม่แสดงอาการจนกว่าจะตั้งครรภ์

การติดเชื้อในถุงน้ำคร่ำหรือภาวะถุงน้ำคร่ำอักเสบ

การอักเสบของเยื่อหุ้มทารกหรือถุงน้ำคร่ำจากการติดเชื้อแบคทีเรีย มักเกิดจากเชื้อที่ลุกลามจากช่องคลอดขึ้นสู่มดลูก ภาวะนี้ต้องได้รับการดูแลรักษาอย่างทันท่วงทีเพื่อป้องกันภาวะแทรกซ้อนที่อาจเกิดขึ้นกับทั้งแม่และทารก

ทารกในครรภ์

คลอดก่อนกำหนด

ปัจจัยที่เกี่ยวข้องกับทารกในครรภ์สามารถนำไปสู่การคลอดก่อนกำหนดได้หลายกรณี ดังนี้

ครรภ์แฝด

การตั้งครรภ์แฝดมีโอกาสคลอดก่อนกำหนดสูงถึงร้อยละ 50 เนื่องจากมดลูกมีการขยายตัวมากกว่าปกติ ส่งผลให้มดลูกบีบตัวเร็วกว่าการตั้งครรภ์เดี่ยว คุณแม่ที่ตั้งครรภ์แฝดจึงต้องได้รับการดูแลเป็นพิเศษและติดตามอาการอย่างใกล้ชิด

ทารกมีความผิดปกติ

ในกรณีที่ทารกมีความผิดปกติที่อาจส่งผลต่อการเจริญเติบโตหรือสุขภาพ เช่น มีโครโมโซมที่ผิดปกติ พิการแต่กำเนิด มีภาวะโตช้าในครรภ์ ทารกเสียชีวิตในครรภ์ แพทย์อาจจำเป็นต้องให้คลอดก่อนกำหนดโดยจะพิจารณาจากความรุนแรงของความผิดปกติและความพร้อมของทารกเป็นสำคัญ

อาการแบบไหนที่เป็นสัญญาณเตือนว่ากำลังจะคลอดก่อนกำหนด

การสังเกตสัญญาณเตือนต่าง ๆ มีความสำคัญอย่างยิ่งในการป้องกันการคลอดก่อนกำหนด คุณแม่ควรใส่ใจและสังเกตอาการผิดปกติต่าง ๆ ที่อาจเป็นสัญญาณเตือนดังต่อไปนี้

มดลูกมีการบีบตัวถี่ขึ้น

โดยปกติในอายุครรภ์ที่มากขึ้น โดยเฉพาะหลังไตรมาสที่ 3  จะมีการบีบตัวของมดลูกบ้างเป็นระยะ ๆ แต่จะไม่บ่อย ไม่ถี่ และไม่สม่ำเสมอ อย่างไรก็ตาม หากคุณแม่สังเกตพบว่ามีการบีบตัวที่ถี่สม่ำเสมอและแรงขึ้นผิดปกติ มีอาการปวดท้องน้อยหรือปวดหลังส่วนล่างต่อเนื่อง ควรรีบปรึกษาแพทย์ทันที

มีน้ำใส ๆ ออกมาจากช่องคลอด

อาการที่เรียกว่า “น้ำเดิน” เป็นสัญญาณเตือนสำคัญที่บ่งบอกว่าถุงน้ำคร่ำอาจมีการรั่วหรือแตก ซึ่งเพิ่มความเสี่ยงต่อการติดเชื้อและอาจนำไปสู่การคลอดก่อนกำหนดได้ คุณแม่ควรสังเกตลักษณะและปริมาณของน้ำที่ออกมา และรีบไปพบแพทย์โดยเร็วที่สุด

มีมูกปนเลือดออกมาจากช่องคลอด

การพบมูกปนเลือดออกมาจากช่องคลอดอาจเป็นสัญญาณว่าปากมดลูกกำลังเปิด ซึ่งเป็นสัญญาณของการใกล้คลอด มูกนี้มักเป็นมูกที่อุดปากช่องคลอดอยู่ เมื่อหลุดออกมาแสดงว่าร่างกายกำลังเตรียมพร้อมสำหรับการคลอด

ลูกดิ้นน้อยลง

การที่ทารกดิ้นน้อยลงอย่างผิดปกติอาจเป็นสัญญาณของภาวะขาดออกซิเจน ซึ่งสามารถกระตุ้นให้เกิดการคลอดก่อนกำหนดได้ คุณแม่ควรนับการดิ้นของลูกอย่างสม่ำเสมอ และหากพบว่าลูกดิ้นน้อยลงกว่าปกติอย่างมีนัยสำคัญ ควรรีบปรึกษาแพทย์ทันที

ความเสี่ยงที่จะเกิดขึ้นกับแม่และเด็กในครรภ์เมื่อมีการคลอดก่อนกำหนด

การคลอดก่อนกำหนดส่งผลกระทบต่อทั้งคุณแม่และทารกในครรภ์ ความเข้าใจถึงความเสี่ยงต่าง ๆ จะช่วยให้คุณแม่ตระหนักถึงความสำคัญของการดูแลตนเองและการป้องกันการคลอดก่อนกำหนด

ความเสี่ยงที่เกิดขึ้นกับคุณแม่

แม้ว่าโดยทั่วไปการคลอดก่อนกำหนดจะไม่ส่งผลกระทบรุนแรงต่อคุณแม่หากไม่มีภาวะแทรกซ้อนอื่น ๆ แต่คุณแม่อาจประสบปัญหาเรื่องการผลิตน้ำนม โดยอาจมีน้ำนมช้าหรือมีน้ำนมน้อยเนื่องจากร่างกายยังไม่พร้อมสำหรับการให้นม นอกจากนี้ยังอาจต้องเผชิญกับความเครียดและความวิตกกังวลเกี่ยวกับสุขภาพของทารก

ความเสี่ยงที่เกิดขึ้นกับทารก

ทารกที่คลอดก่อนกำหนดมักมีความเสี่ยงสูงต่อภาวะแทรกซ้อนต่าง ๆ เนื่องจากอวัยวะยังพัฒนาไม่สมบูรณ์ในทุกระบบร่างกาย โดยเฉพาะปอดและระบบทางเดินหายใจ ทำให้อาจต้องได้รับการดูแลในตู้อบทารกและอาจต้องใช้เครื่องช่วยหายใจ นอกจากนี้ยังมีความเสี่ยงต่อการติดเชื้อได้ง่าย เนื่องจากระบบภูมิคุ้มกันยังไม่แข็งแรงเพียงพอ ภาวะเลือดออกในสมอง ภาวะลำไส้ตาย ภาวะเหลืองเป็นต้น

การป้องกันการคลอดก่อนกำหนด

การป้องกันการคลอดก่อนกำหนด

การป้องกันการคลอดก่อนกำหนดเป็นสิ่งสำคัญที่คุณแม่ควรให้ความใส่ใจตั้งแต่วางแผนการตั้งครรภ์ โดยมีแนวทางการป้องกันที่สำคัญดังนี้

1. คุณแม่ควรเข้ารับการตรวจสุขภาพก่อนตั้งครรภ์

การตรวจสุขภาพก่อนตั้งครรภ์เป็นขั้นตอนสำคัญที่จะช่วยประเมินความพร้อมของร่างกาย ตรวจหาโรคประจำตัวหรือความเสี่ยงต่าง ๆ ที่อาจส่งผลต่อการตั้งครรภ์ เช่น โรคเบาหวาน ความดันโลหิตสูง หรือไขมันในเลือดสูง หากพบความผิดปกติ จะได้รับการรักษาและควบคุมอาการให้ดีก่อนการตั้งครรภ์

2. รีบมาฝากครรภ์เมื่อรู้ตัวว่าตั้งครรภ์

การฝากครรภ์เร็วที่สุดเมื่อทราบว่าตั้งครรภ์มีความสำคัญอย่างยิ่ง เพราะการตรวจอัลตราซาวด์ในช่วง 3 เดือนแรกจะช่วยยืนยันอายุครรภ์ได้แม่นยำที่สุด และหากมีประวัติเสี่ยงต่อการคลอดก่อนกำหนด เช่น เคยคลอดก่อนกำหนดในครรภ์ก่อน หรือมีคนในครอบครัวที่มีประวัติคลอดก่อนกำหนด เคยผ่าตัดบริเวณปากมดลูก ควรแจ้งให้แพทย์ทราบเพื่อวางแผนการดูแลที่เหมาะสม

สำหรับคุณแม่ที่รู้ว่าตัวเองตั้งครรภ์ และกำลังมองหาโรงพยาบาลเพื่อฝากครรภ์ PMG HOSPITAL มีบริการฝากครรภ์ราคาพิเศษ ซึ่งเป็นกระบวนการสำคัญที่จะช่วยในการดูแลสุขภาพของคุณแม่และทารกในครรภ์ตลอดระยะเวลา 9 เดือน โดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญของเรา พร้อมให้การดูแลการตั้งครรภ์ของคุณตั้งแต่การฝากครรภ์ ANC (Antenatal Care) การอัลตร้าซาวด์ลูกน้อย ไปจนถึงการทำคลอด และดูแลลูกน้อยของคุณ

3. อัลตราซาวด์ทางช่องคลอดเมื่อมีอายุครรภ์ประมาณ 18 – 22 สัปดาห์

การตรวจอัลตราซาวด์ทางช่องคลอดในช่วงนี้มีความสำคัญในการประเมินความยาวของปากมดลูก หากพบว่าปากมดลูกสั้น แพทย์สามารถให้การรักษาเพื่อป้องกันการคลอดก่อนกำหนดได้ เช่น การให้ฮอร์โมนโปรเจสเตอโรนเพื่อลดโอกาสการคลอดก่อนกำหนด

สรุปบทความ

การคลอดก่อนกำหนดเป็นภาวะที่สามารถป้องกันและลดความเสี่ยงได้หากคุณแม่มีความรู้ความเข้าใจและได้รับการดูแลที่เหมาะสม การสังเกตสัญญาณเตือนต่าง ๆ การฝากครรภ์อย่างสม่ำเสมอ และการปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์อย่างเคร่งครัด จะช่วยให้การตั้งครรภ์ดำเนินไปอย่างราบรื่นและปลอดภัย คุณแม่ควรใส่ใจดูแลทั้งสุขภาพกายและสุขภาพใจ หมั่นสังเกตความผิดปกติที่อาจเกิดขึ้น และไม่ลังเลที่จะปรึกษาแพทย์เมื่อมีข้อสงสัยหรือพบความผิดปกติใด ๆ เพื่อให้ทั้งคุณแม่และทารกในครรภ์ปลอดภัยตลอดการตั้งครรภ์

สำหรับคุณพ่อคุณแม่ที่กำลังมองหาโรงพยาบาลที่ได้มาตรฐาน เพื่อให้ดูแลการตั้งครรภ์ของคุณตั้งแต่การฝากครรภ์ การอัลตร้าซาวด์ลูกน้อย ไปจนถึงการทำคลอด และดูแลลูกน้อยของคุณ PMG HOSPITAL พร้อมให้การดูแลคุณด้วยความใส่ใจในทุกขั้นตอน โดยคุณสามารถติดต่อเราได้ผ่านช่องทางดังนี้

บทความทางการแพทย์