ว่าที่คุณพ่อคุณแม่ต้องรู้ คลอดบุตรเบิกประกันสังคมอะไรได้บ้าง
การคลอดบุตรเป็นช่วงเวลาสำคัญในชีวิตของคุณแม่ทุกคน แต่ก็อาจมาพร้อมกับค่าใช้จ่ายที่สูง ดังนั้น การรู้จักสิทธิประโยชน์ด้านการคลอดบุตรจากประกันสังคมจึงเป็นสิ่งสำคัญ โดยในบทความนี้ PMG HOSPITAL จะมาอธิบายสิทธิประโยชน์ในการเบิกค่าคลอดจากประกันสังคม รวมถึงเอกสารที่จำเป็นต้องเตรียมในการยื่นเรื่องขอรับสิทธิ เพื่อให้คุณพ่อคุณแม่มือใหม่ได้รับประโยชน์สูงสุดจากสิทธิประกันสังคมในการคลอดบุตร และเพื่อไม่ให้เป็นการเสียเวลา เราไปดูพร้อม ๆ กันเลยดีกว่าว่า ผู้ประกันตนมาตราไหนที่สามารถเบิกค่าคลอดบุตรประกันสังคมได้ และมีเอกสารอะไรที่ต้องเตรียมบ้าง
ผู้ประกันตนมีกี่รูปแบบ?
ประกันสังคมในประเทศไทยมีการแบ่งประเภทของผู้ประกันตนออกเป็น 3 มาตราหลัก ๆ ซึ่งแต่ละมาตราจะมีสิทธิประโยชน์และเงื่อนไขที่แตกต่างกันออกไป ทำให้ผู้ประกันตนต้องทำความเข้าใจถึงสิทธิของตนเองเพื่อให้ได้รับประโยชน์สูงสุด โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกรณีการคลอดบุตร ซึ่งเป็นสิทธิประโยชน์ที่สำคัญสำหรับคุณแม่มือใหม่ โดยผู้ประกันตนทั้ง 3 รูปแบบได้แก่
ผู้ประกันตนมาตรา 33 คือ ลูกจ้างที่ทำงานในสถานประกอบการที่มีลูกจ้างตั้งแต่ 1 คนขึ้นไป โดยจะได้รับความคุ้มครองจากประกันสังคมครอบคลุมทั้งหมด 7 กรณี ได้แก่ กรณีประสบอันตรายหรือเจ็บป่วย กรณีคลอดบุตร กรณีทุพพลภาพ กรณีตาย กรณีสงเคราะห์บุตร กรณีชราภาพ และกรณีว่างงาน ซึ่งถือว่าเป็นกลุ่มที่ได้รับสิทธิประโยชน์มากที่สุดในบรรดาผู้ประกันตนทั้งหมด โดยเฉพาะในกรณีคลอดบุตร ผู้ประกันตนมาตรา 33 จะได้รับสิทธิประโยชน์ที่ครอบคลุมทั้งค่าคลอดบุตร ค่าฝากครรภ์ และเงินสงเคราะห์การหยุดงานเพื่อการคลอดบุตร
ผู้ประกันตนมาตรา 39 คือ ผู้ที่เคยเป็นผู้ประกันตนมาตรา 33 มาก่อน แต่ได้ลาออกจากงานและต้องการรักษาสถานภาพการเป็นผู้ประกันตนต่อ โดยจ่ายเงินสมทบด้วยตนเอง ผู้ประกันตนกลุ่มนี้จะได้รับความคุ้มครอง 6 กรณี ซึ่งเหมือนกับผู้ประกันตนมาตรา 33 ยกเว้นกรณีว่างงาน ในส่วนของสิทธิประโยชน์กรณีคลอดบุตร ผู้ประกันตนมาตรา 39 จะได้รับสิทธิเช่นเดียวกับผู้ประกันตนมาตรา 33 ทั้งในเรื่องของค่าคลอดบุตรและค่าฝากครรภ์ แต่จะไม่ได้รับเงินสงเคราะห์การหยุดงานเพื่อการคลอดบุตร เนื่องจากไม่ได้อยู่ในสถานะการจ้างงาน
ผู้ประกันตนมาตรา 40 คือ ประชาชนทั่วไปที่ประกอบอาชีพอิสระหรือแรงงานนอกระบบ ซึ่งสมัครเข้าสู่ระบบประกันสังคมด้วยความสมัครใจ โดยจะได้รับความคุ้มครองแตกต่างกันไปตามทางเลือกที่สมัคร ซึ่งมีทั้งหมด 3 ทางเลือก แต่สำหรับกรณีคลอดบุตรนั้น ผู้ประกันตนมาตรา 40 จะไม่ได้รับสิทธิประโยชน์ในส่วนนี้ ไม่ว่าจะเลือกทางเลือกใดก็ตาม ดังนั้น หากต้องการได้รับสิทธิประโยชน์กรณีคลอดบุตร จำเป็นต้องเป็นผู้ประกันตนมาตรา 33 หรือมาตรา 39 เท่านั้น
เงื่อนไขในการเบิกค่าคลอดบุตรประกันสังคม สำหรับผู้ประกันตนมาตรา 33 และ 39
การเบิกค่าคลอดบุตรจากประกันสังคมนั้น มีเงื่อนไขสำคัญที่ผู้ประกันตนต้องทราบ เพื่อให้สามารถใช้สิทธิได้อย่างถูกต้องและได้รับประโยชน์สูงสุด โดยเงื่อนไขหลัก ๆ มีดังนี้:
- ผู้ประกันตนต้องจ่ายเงินสมทบมาแล้วไม่น้อยกว่า 5 เดือน ภายในระยะเวลา 15 เดือนก่อนเดือนที่คลอด
- สามารถใช้สิทธิเบิกค่าคลอดบุตรได้โดยไม่จำกัดจำนวนครั้ง
- กรณีที่ทั้งสามีและภรรยาเป็นผู้ประกันตน สามารถเลือกใช้สิทธิฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งได้
- ผู้ประกันตนสามารถเบิกค่าคลอดบุตรได้ไม่ว่าจะคลอดที่สถานพยาบาลใดก็ตาม ไม่จำเป็นต้องเป็นสถานพยาบาลตามบัตรรับรองสิทธิ
นอกจากนี้ ยังมีเงื่อนไขเพิ่มเติมสำหรับการรับเงินสงเคราะห์การหยุดงานเพื่อการคลอดบุตรซึ่งจะได้รับเฉพาะผู้ประกันตนมาตรา 33 เท่านั้น โดยจะได้รับเงินในอัตราร้อยละ 50 ของค่าจ้างเฉลี่ยเป็นระยะเวลา 90 วัน และสามารถเบิกได้ไม่เกิน 2 ครั้งตลอดระยะเวลาการเป็นผู้ประกันตน
สิทธิประโยชน์ค่าคลอดบุตรจากประกันสังคม
สิทธิประโยชน์ค่าคลอดบุตรจากประกันสังคมครอบคลุมค่าใช้จ่ายหลายส่วนที่เกี่ยวข้องกับการคลอดบุตร ทั้งก่อนคลอด ระหว่างคลอด และหลังคลอด ซึ่งเป็นประโยชน์อย่างมากสำหรับคุณแม่มือใหม่ในการลดภาระค่าใช้จ่าย
ค่าคลอดบุตรที่เบิกได้
- ค่าคลอดบุตรเหมาจ่าย: ประกันสังคมจ่ายเงินค่าคลอดแบบเหมาจ่ายในอัตรา 15,000 บาทต่อการคลอดหนึ่งครั้ง โดยไม่จำกัดจำนวนครั้งในการคลอด
- ค่าฝากครรภ์: ผู้ประกันตนสามารถเบิกค่าฝากครรภ์ได้ตามจริงแต่ไม่เกิน 1,500 บาท โดยแบ่งเป็น 5 ครั้งดังนี้
- ครั้งที่ 1: อายุครรภ์ไม่เกิน 12 สัปดาห์ เบิกได้ไม่เกิน 500 บาท
- ครั้งที่ 2: อายุครรภ์ 12-20 สัปดาห์ เบิกได้ไม่เกิน 300 บาท
- ครั้งที่ 3: อายุครรภ์ 20-28 สัปดาห์ เบิกได้ไม่เกิน 300 บาท
- ครั้งที่ 4: อายุครรภ์ 28-32 สัปดาห์ เบิกได้ไม่เกิน 200 บาท
- ครั้งที่ 5: อายุครรภ์ 32-40 สัปดาห์ขึ้นไป เบิกได้ไม่เกิน 200 บาท
3. เงินสงเคราะห์การหยุดงานเพื่อการคลอดบุตร: สำหรับผู้ประกันตนมาตรา 33 จะได้รับเงินสงเคราะห์การหยุดงานเพื่อการคลอดบุตรในอัตราร้อยละ 50 ของค่าจ้างเฉลี่ยเป็นระยะเวลา 90 วัน โดยสามารถเบิกได้สูงสุด 2 ครั้งตลอดระยะเวลาการเป็นผู้ประกันตน
เอกสารที่ใช้ในการยื่นขอเบิกค่าคลอดบุตรประกันสังคม
การเตรียมเอกสารให้ครบถ้วนจะช่วยให้กระบวนการเบิกค่าคลอดเป็นไปอย่างราบรื่น เอกสารที่จำเป็นมีดังนี้:
- แบบคำขอรับประโยชน์ทดแทน (แบบ สปส. 2-01): ผู้ประกันตนต้องกรอกข้อมูลให้ครบถ้วนและลงลายมือชื่อ
- สำเนาสูติบัตรของบุตร: ในกรณีคลอดบุตรแฝด ให้แนบสำเนาสูติบัตรของบุตรแฝดทุกคน
- สำเนาบัตรประจำตัวประชาชนของผู้ยื่นคำขอ
- สำเนาสมุดบัญชีเงินฝากธนาคารหน้าแรกที่มีชื่อและเลขที่บัญชีของผู้ยื่นคำขอ (ต้องเป็นบัญชีออมทรัพย์เท่านั้น)
- ใบเสร็จรับเงินค่าฝากครรภ์ (ถ้ามี)
- สำเนาทะเบียนสมรส (กรณีผู้ประกันตนชายเป็นผู้ยื่นขอรับสิทธิ)
- หนังสือรับรองการเป็นบิดาที่ชอบด้วยกฎหมายของเด็ก (กรณีไม่ได้จดทะเบียนสมรส)
ขั้นตอนการยื่นเรื่องขอรับสิทธิค่าคลอด
- กรอกแบบคำขอรับประโยชน์ทดแทน (แบบ สปส. 2-01) ให้ครบถ้วน
- รวบรวมเอกสารประกอบการยื่นคำขอทั้งหมด
- ยื่นเอกสารที่สำนักงานประกันสังคมในพื้นที่ที่สะดวก หรือยื่นผ่านไปรษณีย์
- รอการพิจารณาและอนุมัติจากสำนักงานประกันสังคม
- เมื่อได้รับการอนุมัติ เงินจะถูกโอนเข้าบัญชีธนาคารที่ระบุไว้ในแบบคำขอ โดยปกติจะใช้เวลาประมาณ 5-7 วันทำการหลังจากเอกสารได้รับการอนุมัติ
เงื่อนไขของผู้ประกันตนมาตรา 33
- ต้องจ่ายเงินสมทบมาแล้วไม่น้อยกว่า 6 เดือน ภายในระยะเวลา 15 เดือนก่อนการว่างงาน
- ว่างงานตั้งแต่ 8 วันขึ้นไป
- ต้องขึ้นทะเบียนผู้ว่างงานภายใน 30 วันนับจากวันที่ว่างงาน
- มีการรายงานตัวออนไลน์ผ่านเว็บไซต์ของกรมจัดหางานเดือนละ 1 ครั้ง
- ต้องไม่ถูกเลิกจ้างในกรณีต่อไปนี้
- ทุจริตต่อหน้าที่ กระทำความผิดอาญาโดยเจตนาต่อนายจ้าง
- จงใจทำให้นายจ้างได้รับความเสียหาย
- ฝ่าฝืนข้อบังคับหรือระเบียบในการทำงาน
- ขาดงาน 7 วันติดกันโดยไม่มีเหตุอันควร
- ประมาทจนทำให้นายจ้างได้รับความเสียหายร้ายแรง
- ได้รับโทษจำคุกตามคำพิพากษา
- ต้องมีความพร้อมที่จะทำงานที่เหมาะสมตามที่จัดหาให้
- ต้องรายงานตัวต่อสำนักงานจัดหางานตามที่กำหนด
ในกรณีที่ผู้ประกันตนมีคุณสมบัติครบถ้วนตามเงื่อนไขข้างต้น จะได้รับเงินทดแทนในระหว่างการว่างงานดังนี้:
- กรณีถูกเลิกจ้าง: จะได้รับเงินทดแทนในอัตราร้อยละ 50 ของค่าจ้างเฉลี่ย ครั้งละไม่เกิน 180 วัน
- กรณีลาออกหรือสิ้นสุดสัญญาจ้าง: จะได้รับเงินทดแทนในอัตราร้อยละ 30 ของค่าจ้างเฉลี่ย ครั้งละไม่เกิน 90 วัน
ทั้งนี้ การคำนวณเงินทดแทนจะคิดจากฐานค่าจ้างสูงสุดไม่เกิน 15,000 บาทต่อเดือน
สรุปบทความ
การคลอดบุตรเป็นช่วงเวลาที่มีความสุขแต่ก็อาจมีความเครียดเรื่องค่าใช้จ่ายได้ การรู้จักและใช้สิทธิประโยชน์จากประกันสังคมอย่างเต็มที่จะช่วยลดความกังวลและทำให้คุณแม่สามารถมุ่งเน้นไปที่การดูแลตัวเองและลูกน้อยได้อย่างเต็มที่ แน่นอนว่าการเตรียมเอกสารให้ครบถ้วนและทำความเข้าใจขั้นตอนการยื่นขอรับสิทธิจะช่วยให้กระบวนการเบิกค่าคลอดบุตรเป็นไปอย่างราบรื่น หากมีข้อสงสัยเพิ่มเติม สามารถสอบถามได้ที่สายด่วนประกันสังคม 1506 หรือเว็บไซต์ www.sso.go.th
ซึ่งที่ PMG HOSPITAL เป็นหนึ่งในสถานพยาบาลเอกชนที่อยู่ภายใต้ความร่วมมือของสำนักงานประกันสังคม และพร้อมให้บริการว่าที่คุณพ่อคุณแม่อย่างเต็มที่ เพื่อให้การคลอดบุตรเป็นไปอย่างราบรื่น โดยผู้ที่ต้องการฝากครรภ์และคลอดบุตรที่ PMG HOSPITAL สามารถรายละเอียดค่าใช้จ่ายหรือนัดหมายวันเข้าพบแพทย์ได้ผ่านช่องทางดังนี้
- โทร: 02-451-4920-8
- LINE: https://line.me/R/ti/p/%40742nwwnk
- แผนที่โรงพยาบาล: https://maps.app.goo.gl/qg4hBHhmiR7VfRY9A
- นัดหมายแพทย์ด้วยตัวเอง: https://pmghospital.in.th/appointment/