Home Isolation กักตัวอย่างปลอดภัย เมื่อต้องเผชิญกับเชื้อโควิด-19
Home Isolation เป็นหนึ่งในหนทางดูแลสุขภาพ ในช่วงสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19 ที่ยังคงระบาดอยู่อย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้มีผู้ติดเชื้อเพิ่มมากขึ้น จนโรงพยาบาลไม่สามารถรองรับผู้ติดเชื้อโควิด-19 ได้ทั้งหมด จำเป็นต้องทำ Home Isolation หรือกักตัวพักฟื้นที่บ้าน
Home Isolation คืออะไร ใครที่สามารถทำ Home Isolation ได้ ต้องมีอาการป่วยระดับไหน แบ่งระดับอาการป่วยอย่างไร มีข้อปฎิบัติอย่างไรบ้าง เพื่อให้เกิดความปลอดภัยสูงสุด ติดตามอ่านได้ที่นี่
Home Isolation คืออะไร?
Home Isolation คือการกักตัว ดูแลตัวเองที่บ้าน หนึ่งในวิธีในการดูแลตัวเอง ที่ช่วยลดความรุนแรงของโรคและลดการแพร่ระบาดส่งต่อเชื้อโรคสู่ผู้อื่น โดยทำในผู้ป่วยโควิด-19 ที่ไม่มีอาการ (กลุ่มสีเขียว) หรือแสดงอาการเพียงเล็กน้อย คนไข้สามารถสังเกตอาการ และดูแลตัวเองจากบ้านได้ โดยไม่จำเป็นต้องเข้ารักษาตัวใน อย่างน้อย 14 วัน
อาการป่วยแบบไหนเหมาะกับ Home Isolation
ในทางการแพทย์ได้มีการแบ่งระดับอาการของผู้ป่วยติดเชื้อโควิด19 ออกเป็น 3 กลุ่มอาการ คือกลุ่มสีเขียว สีเหลือง และสีแดง เพื่อการดูแลรักษาอย่างเป็นระบบและเหมาะสม ดังนี้
กลุ่มสีเขียว : ได้แก่ผู้ป่วยที่มีอาการ ไอ มีน้ำมูก ไม่ได้กลิ่น ไม่รู้รส ตาแดง ถ่ายแหลว เจ็บคอ มีผื่น มีไข้ อุณหภูมิร่างกาย 37.5 องศาขึ้นไป ไม่มีอการปวดอักเสบ ไม่มีอาการหายใจเหนื่อย หายใจลำบาก หรือหายใจเร็ว
กลุ่มสีเหลือง : ได้แก่ผู้ป่วยที่มีอาการ แน่นหน้าอก มีอาการไอแล้วรู้สึกเหนื่อย รู้สึกอ่อนเพลีย ถ่านเหลว 3 ครั้ง ต่อวัน หรือมากกว่านั้น มีอาการปวดอักเสบ เวียนศีรษะ มีอาการหน้ามืด หายใจลำบาก มีอาารแทรกซ้อนจากโรคประจำตัว
กลุ่มสีแดง : ได้แก่ผู้ป่วยที่มีอาการแน่นหน้าอก หายใจแล้วเจ็บ หอบเหนื่อยหนัก หายใจเร็ว อ่อนเพลียตอบสนองช้า พูดไม่เป็นประโยคขณะสนทนา ซึม ปอดบวมที่มี hypoxic ไม่รู้สึกตัว
โดยแนวทางการทำ Home Isolation ดูแลผู้ป่วยโควิดที่บ้าน หรือ การแยกกักตัวที่บ้าน ควรอยู่ภายใต้การพิจารณาของแพทย์ และอยู่ในระบบการตรวจสอบ ติดตามอาการ เนื่องจาก หากมีอาการเปลี่ยนแปลงที่รุนแรงขึ้น ก็มีระบบส่งต่อไปรักษาตัวที่โรงพยาบาลได้ ทั้งผู้ป่วยโควิด19 ที่กำลังรอเข้ารับการรักษาตัวที่โรงพยาบาล ซึ่งแพทย์ประเมินแล้วว่า สามารถรักษาตัวที่บ้านได้ และผู้ป่วยโควิด-19 ที่รักษาตัวในโรงพยาบาลมาแล้วอย่างน้อย 10 วันและแพทย์ประเมิรว่าว่าสามารถทำ Home Isolation ต่อได้
เตรียมพร้อม Home Isolation ที่บ้าน
สำหรับคนที่อยู่ในเกณ์ Home Isolation การเตรียมความพร้อมเป็นเรื่องสำคัญ โดยมีสิ่งต้องเตรียมมีดังนี้- สถานที่
ถ้าคนไข้กักตัวที่บ้าน ควรเป็นบ้านที่มีพื้นที่เพียงพอ ผู้ป่วยสามารถแยกตัวออกมาจากคนในครอบครัวที่ไม่ติดเชื้อ ต้องแยกการใช้เครื่องปรับอากาศ แยกห้องส่วนตัวของตัวเอง แยกการใช้ห้องน้ำ (หากเลี่ยงไม่ได้ ควรใช้ห้องน้ำเป็นคนสุดท้าย และทำความสะอาดให้เรียบร้อย) แยกของใช้ แยกซักเสื้อผ้า ผ้าขนหนู แยกภาชนะอาหารต่าง ๆ และแยกตัวรับประทานอาหาร
กรณีที่อยู่คอนโดมิเนียม หรือ ห้องเช่า ที่มีพื้นที่จำกัด แนะนำให้ผู้ป่วยอยู่ในห้องคนเดียว และติดต่อผู้ดูแลผ่านช่องทางไลน์ หรือโทรศัพพ์ ค่อยส่งอาหาร ของใช้จำเป็น เพื่อหลีกเลี่ยงการพูดคุยและสัมผัสให้ได้มากที่สุด- อุปกรณ์ของใช้
เบื้องต้นแนะนำให้เตรียมอุปกรณ์เหล่านี้ติดตัวเพื่อช่วยประเมินอาการตนเองเบื้องต้น
1. เทอร์โมมิเตอร์วัดไข้ดิจิตอล เพื่อดูการเปลี่ยนแปลงของร่างกายเพื่อบันทึกในแต่ละวัน
2. เครื่องบอกระดับออกซิเจนในเลือดแบบหนีบนิ้ว ที่ได้มาตรฐาน เพื่อใช้ประเมินการแลกเปลี่ยนก๊าซในปอด โดยตัวเลขควรอยู่ทีี่ 97-100% หากตัวเลขไปถึง 94% หรือต่ำกว่าให้เฝ้าระวังทันที อาจเสี่ยงโควิดจะลงปอด กรณีนี้ต้องรีบแจ้งเจ้าหน้าที หรือโรงพยาบาลที่ดี
นอกจากนี้ยังมีอุปกรณ์ของใช้อื่นๆ ที่ควรเตรียมไว้ เช่น หน้ากากอนามัย ถุงมือ เจลล้างมือ เจลลดไข้ แอลกอฮอล์ 70 % ถุงขยะติดเชื้อ- ยา
จะเป็นยารักษาตามอาการ หรือยาเพื่อบรรเทาอาการของโรค เช่น ยาพาราเซตามอล, ยาแก้ไอแบบเม็ด Dextromethorphan, ยาแก้ไอน้ำดำ, ยาแก้แพ้ Fexofenadine, ผงเกลือแร่ ORS (Oral Rehydration Salts), ยาดมแก้วิงเวียน, ยาลดน้ำมูก Chlorpheniramine หรือ CPM เป็นต้น
ข้อฎิบัติ Home Isolation ผู้ป่วยโควิด 19
ห้ามออกจากบ้านและห้ามผู้ใดมาเยี่ยม งดพบปะผู้คน หรือเข้าใกล้หรือสัมผัสผู้อื่น โดยเฉพาะเด็กและผู้สูงอายุอย่างเด็ดขาดควรสวมหน้ากากอนามัยตลอดเวลาเมื่อต้องออกมาจากห้อง
ควรล้างมือด้วยสบู่ หรือเจลแอลกอฮอล์บ่อย ๆ เน้นย้ำว่าต้องล้างทุกครั้งก่อนหยิบจับของใช้ที่ใช้ร่วมกับผู้อื่น
ต้องแยกขยะ เนื่องจากขยะของผู้ติดเชื้อถือเป็นขยะติดเชื้อ
สำหรับผู้ที่พักอาศัยที่คอนโดหรือ หอพัก ห้องเช่า ควรแจ้งนิติบุคคลหรือเจ้าของหอพัก และงดออกจากห้องโดยเด็ดขาด
กรณีสั่งอาหารแบบเดลิเวอรี่ ต้องใส่หน้ากากทุกครั้งที่รับของ หลีกเลี่ยงการใกล้ชิดกับพนักงานส่งของ และล้างมือทุกครั้งหลังจากรับของ