ป่วยเป็นโรคอะไร ถึงต้องสวนหัวใจ 2023

โรคหลอดเลือดหัวใจตีบ โรคร้ายที่ไม่แสดงอาการชัดเจน เกิดได้จากการเกาะตัวของไขมันที่ผนังหลอดเลือด ที่ทำให้หลอดเลือดแดงตีบแคบลง ส่งผลต่อการลำเลียงออกซิเจน ต้นเหตุของภาวะกล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือด และภาวะกล้ามเนื้อหัวใจตาย แต่โรคนี้สามารถรักษาได้ด้วย “การสวนหัวใจ” เพื่อตรวจสอบและขยายหลอดเลือด
สวนหัวใจ คืออะไร?
การตรวจวินิจฉัยหลอดเลือดแดงที่หัวใจ เป็นการตรวจหัวใจด้วยการใส่สายสวนหัวใจผ่านผิวหนังเข้าไปที่หัวใจและหลอดเลือด ผ่านหลอดเลือดแดงที่ขาหนีบ หรือที่ข้อมือ หลังจากนั้นจะทำการฉีดสารทึบรังสีและถ่ายภาพเอกซเรย์หลอดเลือดหัวใจชนิดที่เป็นภาพเคลื่อนไหวได้ เพื่อตรวจหาความผิดปกติของหลอดเลือดหัวใจ ว่ามีการตีบแคบ หรืออุดตันหรือไม่?
บริเวณสวนหัวใจ และข้อดี
การสวนหลอดเลือดหัวใจปัจจุบันสามารถทำได้ 2 จุดหลัก คือ บริเวณขาหนีบและบริเวณข้อมือ
1. การสวนหลอดเลือดหัวใจบริเวณขาหนีบ (Femoral Artery) โดยใช้ยาชาเฉพาะที่ ใช้เวลาในการตรวจประมาณ 30-60 นาที หลังจากทำเสร็จจะดึงสายสวนออก และกดบริเวณขาหนีบประมาณ 15 นาที โดยไม่ต้องเย็บแผล ผู้ป่วยจึงต้องนอนราบ และห้ามงอขาหนีบ 6-8 ชั่วโมง ไม่สามารถลุกนั่ง หรือเดินได้ในทันที
2. สำหรับการสวนหลอดเลือดหัวใจผ่านบริเวณข้อมือ (Radial Artery) สามารถทำผ่านทางหลอดเลือดแดงที่ข้อมือได้ โดยใช้ระยะเวลาพักฟื้น 4-8 ชม. หลังการทำหัตถการสามารถลุก นั่ง หรือยืนได้ทันที มีเพียงสายรัดข้อมือ (TR band) ที่ใส่ไว้เพียงไม่นาน โดยแพทย์ต้องมีความชำนาญในวิธีนี้
อีกทั้ง ยังมีข้อดีหลายประการ โดยเฉพาะคนไข้ที่อ้วนมาก และมีภาวะหลอดเลือดขาส่วนปลายตีบ การทำบริเวณข้อมือเป็นทางเลือกที่ดี แต่มีข้อจำกัดที่ไม่สามารถทำได้ สำหรับกรณีที่ต้องสงวนรักษาหลอดเลือดแดงที่ข้อมือไว้เพื่อใช้รักษากรณีอื่น เช่น การฟอกไต เป็นต้น
