โควิดวัคซีนในเด็ก ก่อนฉีดพ่อแม่ต้องรู้อะไร? เพื่อความปลอดภัยของลูก

หนึ่งในความกังวลใจของคุณพ่อคุณแม่ คือ ความปลอดภัยของลูก เมื่อต้องกลับไปเรียนที่โรงเรียนในช่วงที่ยังมีการแพร่ระบาดของโควิด-19 อีกทั้งมีข้อมูลหลายทางที่อาจสร้างความสับสนเกี่ยวกับการฉีดวัคซีนโควิด-19 ในเด็ก หลังจากที่กระทรวงสาธารณสุขประกาศออกมาว่า วันที่ 4 ต.ค. 2564 เป็นต้นไป จะเริ่มฉีดวัคซีน mRNA (ไฟเซอร์) ฟรี ให้แก่เด็กอายุ 12 ปีขึ้นไป ตามความสมัครใจของผู้ปกครอง ซึ่งได้มีการประสานกับทางโรงเรียนในการส่งหนังสือแจ้งความยินยอมของผู้ปกครองในการให้เด็กฉีดวัคซีน

ก่อนฉีดวัคซีนโควิด-19 ในเด็ก ผู้ปกครองจึงควรมีข้อมูลประกอบการตัดสินใจ เพื่อคลายความกังวลใจ โดยเฉพาะเรื่องของความปลอดภัยของลูก ตอบทุกคำถามที่สงสัยเกี่ยวกับวัคซีนโควิด-19 ในเด็ก ที่นี่…. 

สารบัญ โควิดวัคซีนในเด็ก

1. เด็กนักเรียนควรฉีดวัคซีนโควิด-19 หรือไม่?
2. ฉีดวัคซีนโควิด-19 ในเด็ก ยี่ห้อไหนดี?
3. ฉีดวัคซีน mRNA ปลอดภัยหรือไม่?
4. อาการที่ต้องเฝ้าระวัง หลังฉีดวัคซีนโควิด-19 ในเด็ก
5. เด็กที่ยังไม่ได้รับการฉีดวัคซีนโควิด-19 ดูแลตัวเองย่างไร?

เด็กนักเรียนควรฉีดวัคซีนโควิด-19 หรือไม่?

การฉีดวัคซีนโควิด-19 ในเด็ก ร่วมกับการป้องกันด้วยการสวมหน้ากากอนามัย เป็นสิ่งที่แพทย์แนะนำ เนื่องจากปัจจุบันมีข้อมูลจากกระทรวงสาธารณสุข ระบุสถานการณ์สถานการณ์การติดเชื้อโควิด-19 ในเด็ก กลุ่มอายุตั้งแต่ 0-18 ปี ในการระบาดระลอกเดือน เม.ย.2564 (1 เม.ย.-11 ก.ย.) มีผู้ติดเชื้อสะสมแล้ว 174,645 ราย แบ่งเป็นเด็กวัยเรียนและวัยรุ่น อายุ 6-18 ปี 129,165 ราย เสียชีวิต 15 ราย และเด็กปฐมวัย อายุ 0-5 ปี ติดเชื้อสะสม 45,480 ราย เสียชีวิต 14 ราย

การฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19 จึงมีประโยชน์หลายด้าน ดังนี้ 

  • ลดโอกาสการติดเชื้อของเด็กเมื่ออยู่ในโรงเรียน 
  • ลดโอกาสเสี่ยงที่จะเป็นโรคโควิดรุนแรงในเด็ก (Multisystem inflammatory syndrome in children : MIS-C) หรือภาวะมิสซี คือเกิดการอักเสบทั่วร่างกาย มีผลกระทบต่อหัวใจและปอด 
  • ลดโอกาสการติดเชื้อที่เด็กๆ อาจจะติดเชื้อแล้วมีอาการน้อย ไปแพร่ให้กับคนในครอบครัว

ฉีดวัคซีนโควิด-19 ในเด็ก ยี่ห้อไหนดี?

ประเทศไทยมีการขึ้นทะเบียนวัคซีนโควิด-19 ให้ใช้ในเด็ก 12 ปีขึ้นไป เฉพาะชนิด mRNA โดยมี 2 ยี่ห้อ คือ ไฟเซอร์ (Pfizer) และโมเดอร์นา (Moderna) โดยวัคซีนโควิด-19 ชนิดนี้ เป็นเทคโนโลยีใหม่ เริ่มใช้มาประมาณ 1 ปี ยังไม่ทราบถึงผลการติดตามในระยะยาว แต่หากผู้ปกครองประสงค์ให้เด็กรับวัคซีนชนิดนี้สามารถเข้ารับได้ในช่วงเดือน ต.ค. 2564 

ขณะที่วัคซีนโควิด-19 ชนิดอื่น ยังอยู่ในขั้นตอนการวิจัยสำหรับใช้ในเด็ก โดยเฉพาะชนิดเชื้อตาย ทั้งซิโนแวคและซิโนฟาร์ม ซึ่งต้องรอจนกว่าสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) จะพิจารณาอนุมัติ และคณะกรรมการวิชาการพิจารณาแล้วเห็นว่าสามารถนำมาฉีดให้กับเด็กได้

หากลูกอยู่ในกลุ่มที่จะฉีดวัคซีนโควิด-19 ได้แล้ว จะฉีดวัคซีนโควิด-19 ยี่ห้อไหนดี ควรต้องพิจารณาจาก 3 มิติด้วยกัน คือ 

1. มิติผลข้างเคียง 
วัคซีนเทคโนโลยี mRNA เป็นเทคโนโลยีใหม่ ยังไม่เคยผลิตเป็นวัคซีนและฉีดให้เด็กและเยาวชนมาก่อน และเริ่มพบมีปัญหากล้ามเนื้อหัวใจอักเสบในเด็กและเยาวชนชายพอสมควร โดยพบประมาณ 5 รายใน 1 ล้านโดส ส่วนวัคซีนเทคโนโลยีเชื้อตาย ได้เคยผลิตวัคซีน แล้วนำมาฉีดในเด็กและเยาวชนมาหลาย 10 ปีแล้ว จึงมีความสบายใจได้ในแง่ผลข้างเคียง

2. มิติประสิทธิผล 
วัคซีนเทคโนโลยี mRNA มีประสิทธิผลสูงกว่าเทคโนโลยีเชื้อตาย

3. มิติการเจ็บป่วยจากโควิด 
ในเด็กและเยาวชน เมื่อติดโควิดแล้วมักจะไม่ค่อยแสดงอาการ ในรายที่แสดงอาการ จะมีอาการไม่ค่อยรุนแรง และมีจำนวนป่วยหนักและเสียชีวิตค่อนข้างน้อย

จาก 3 มิติดังกล่าวข้างต้น คุณพ่อคุณแม่และผู้ปกครองจึงต้องชั่งใจว่า จะฉีดวัคซีนให้บุตรหลานตนเองหรือไม่ อย่างไร และจะฉีดด้วยวัคซีนอะไรดี

ฉีดวัคซีน mRNA ปลอดภัยหรือไม่ ?

การฉีดวัคซีนมีความปลอดภัยค่อนข้างสูง และมีประโยชน์กับเด็กอย่างแน่นอน แม้ว่าเด็กส่วนใหญ่ที่ติดโควิด มักจะไม่ค่อยมีอาการ และโอกาสเสียชีวิตน้อย นอกจากในรายที่มีโรคเรื้อรังร่วมด้วย เช่น เบาหวาน ไตวายเรื้อรัง โรคหัวใจและหลอดเลือด โรคหลอดเลือดสมอง โรคอ้วน หรือมีภาวะหยุดหายใจขณะหลับ โรคมะเร็งและภาวะภูมิคุ้มกันต่ำ เป็นต้น

หลายประเทศในสหภาพยุโรป เช่น ฝรั่งเศส เนเธอร์แลนด์ และอิตาลี ได้เริ่มดำเนินการฉีดวัคซีนโควิดให้เด็กอายุ 12 ปีขึ้นไป ส่วนในเอเชีย รัฐบาลฮ่องกง ก็มีเริ่มฉีดวัคซีนโควิด ให้เด็กอายุ 12 ปีขึ้นไปแล้วเช่นกัน เหตุผลก็คล้าย ๆ กับในหลายประเทศ เพื่อต้อนรับการเปิดเรียนของเด็กๆ ให้พวกเขาได้กลับมามีชีวิตปกติ

อาการที่ต้องเฝ้าระวัง หลังฉีดวัคซีนโควิด-19 ในเด็ก

อาการที่ต้องเฝ้าระวัง ที่สงสัยว่าอาจมีภาวะกล้ามเนื้อหัวใจอักเสบ และเยื่อหุ้มหัวใจอักเสบ  

  • แน่นหน้าอก เจ็บหน้าอก 
  • หอบ เหนื่อยง่าย 
  • ใจสั่น 
  • หมดสติ เป็นลม 

ภาวะกล้ามเนื้อหัวใจอักเสบ และเยื่อหุ้มหัวใจอักเสบ ที่เกิดขึ้นหลังการฉีดวัคซีนโควิด-19 ส่วนใหญ่มักมีอาการไม่รุนแรงและหายได้เองใน 3-4 วัน ส่วนอาการอื่นๆ ต้องติดตาม 30 วันหลังฉีดวัคซีนโควิด-19 และข้อปฏิบัติภายใน 7 วันหลังฉีด หากมีอาการข้างเคียงให้แจ้งผู้ปกครอง และรีบไปโรงพยาบาลใกล้บ้านทันที และแจ้งให้เจ้าหน้าที่รับทราบว่าได้รับวัคซีนในวัน-เวลาใด นอกจากนั้นไม่แนะนำให้ออกกำลังกายหนักหลังฉีดวัคซีน

เด็กที่ยังไม่ได้รับการฉีดวัคซีนโควิด-19 ดูแลตัวเองย่างไร ?

เนื่องจากวัคซีนโควิด-19 ในเด็กยังคงอยู่ระหว่างการศึกษาอย่างละเอียด การป้องกันการติดเชื้อในเด็กจึงเกี่ยวข้องกับผู้ปกครองโดยตรง เพื่อลดความเสี่ยงการติดเชื้อสู่เด็ก ผู้ปกครองควรเข้ารับวัคซีนโควิด-19 ให้ครบโดส และให้ความสำคัญกับการดูแลสุขภาพของเด็ก ได้แก่

1.หลีกเลี่ยงความเสี่ยงการติดเชื้อ
ผู้ปกครองไม่พาเด็กเดินทางไปยังพื้นที่เสี่ยงหรือพื้นที่ชุมชนแออัด สวมหน้ากากอนามัย และให้ล้างมือบ่อย ๆ หลังสัมผัสกับวัตถุ

2.ดูแลสุขภาพให้แข็งแรง 
การส่งเสริมสุขภาพให้เด็กอย่างเหมาะสมทั้งเวลาการพักผ่อนที่เพียงพอ การออกกำลังกาย และการรับประทานอาหารที่หลากหลายครบ 5 หมู่ เป็นวสิ่งที่ผู้ปกครองควรให้ความสำคัญ 

3.ฉีดวัคซีนอื่นเสริมการป้องกันทางอ้อม 
ควรให้เด็กเข้ารับวัคซีนตามกำหนดของช่วงอายุ ร่วมกับวัคซีนที่มีส่วนช่วยลดผลข้างเคียงเมื่อติดเชื้อโควิด-19 ได้แก่ วัคซีนป้องกันไข้หวัดใหญ่ และวัคซีนป้องกันปอดอักเสบ (IPD) 

สรุป

การฉีดวัคซีนโควิด-19 ในเด็ก อายุ 12 ปีขึ้นไป การฉีดวัคซีนให้เด็กจะเป็นไปตามความสมัครใจ ที่ต้องได้รับความยินยอมจากผู้ปกครองก่อน โดยวัคซีนจะช่วยลดความเสี่ยงการติดเชื้อ ลดความรุนแรงกรณีติดเชื้อโควิด-19 และลดการแพร่เชื้อสู่ผู้อื่น โดยปัจจุบันวัคซีนที่ได้รับการอนุมัติจาก อย. มี 2 ยี่ห้อ คือ ไฟเซอร์ และโมเดอร์นา และที่รอการอนุมัติ คือ ซิโนแวค และชิโนฟาร์ม จะฉีดยี่ห้อไหนต้องพิจารณาหลายมิติทั้งผลข้างเคียง ประสิทธิผล และโอกาสเจ็บป่วย 

ทั้งนี้ วัคซีนถือเป็นเครื่องมือในการป้องกันโรคที่มีประสิทธิผล และหลายประเทศทั่วโลกได้มีเริ่มมีการฉีดวัคซีนโควิด-19 ในเด็ก เช่นเดียวกับประเทศไทย อย่างไรก็ดี ยังคงต้องเฝ้าระวังอาการข้างเคียงหลังฉีดและผลในระยะยาวต่อไป โดยหลังฉีดวัคซีนโควิด-19 ในเด็ก ยังคงต้องป้องกันตนเอง สวมหน้ากากอนามัยและดูแลสุขภาพให้แข็งแรง รวมทั้งฉีดวัคซีนโรคทางระบบทางเดินหายใจอื่น ๆ เพื่อช่วยลดผลข้างเคียงกรณีติดเชื้อโควิด-19

บทความที่เกี่ยวข้อง

โรคริดสีดวงถือเป็นปัญหาที่กวนใจ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องความเจ็บปวดที่รบกวนทางกาย และรบกวนการใช้ชีวิตของใครหลายๆคน ปัจจุบันได้มีทางเลือกในการรักษาผู้ป่วยให้หายขาดได้ โดยที่เจ็บตัวน้อย ฟื้นตัวได้ไว และทำให้ผู้ป่วยมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น
การส่องกล้องกระเพาะอาหาร หรือ Gastroscopy ไม่เจ็บ สามารถวินิฉัยได้ตรงจุด ตรวจง่าย ปลอดภัย แพทย์สามารถเห็นสาเหตุที่เกิดรอยโรคชัดเจน

สมัครรับข่าวสาร

ท่านสามารถลงทะเบียนเพื่อสมัครรับข่าวสารและโปรโมชั่นแพคเกจ ผ่านทาง Email โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย

Malcare WordPress Security